วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กายภาพบำบัดในสัตว์



ผศ.ศิริพันธุ์ คงสวัสดิ์
ภาควิชากายภาพบำบัด คณะเทคนิคการแพทย์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่



งานด้านกายภาพบำบัดในสัตว์.....จำเป็นหรือไม่

          แนวคิดเกี่ยวกับการฟื้นฟูและกายภาพบำบัดสำหรับสัตว์มิได้เป็นเรื่องแปลกใหม่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศแถบยุโรป ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศออสเตรเลีย ตัวอย่างเช่น ในประเทศอังกฤษ ได้มีกลุ่มองค์กรนักกายภาพบำบัดที่ให้การรักษาสัตว์ (The Association of Chartered Physiotherapist in Animal Therapy) ก่อตั้งขึ้นในปี 1985 และมีหลักสูตรในระดับปริญญาโทในสาขา Veterinary Physiotherapy ที่ Royal Veterinary College, London ส่วนประเทศสหรัฐอเมริกา สมาคมสัตวแพทย์อเมริกัน (American Veterinary Medical Association) ได้รับรองงานด้านกายภาพบำบัดไว้ในส่วนหนึ่งของ "Guidelines for Alternative and Complimentary Veterinary Medicine" ในปี 1996 โดยนิยามความหมายของงานกายภาพบำบัดในสัตว์ว่า "การใช้เทคนิคการรักษาแบบ noninvasive ในการให้การรักษาการบาดเจ็บของสัตว์ ซึ่งประกอบด้วยการออกกำลังกายเพื่อการรักษาฟื้นฟู การใช้เครื่องเลเซอร์ชนิดกำลังต่ำ (low-level lasers) การใช้คลื่น magnetic และ ultrasound และต้องกระทำโดยสัตวแพทย์ หรือนักกายภาพบำบัดที่ได้รับการอบรมหรือขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องเท่านั้น โดยไม่หมายรวมถึงการรักษาด้วยวิธี chiropractic
          โปรแกรมการฟื้นฟูทางกายภาพบำบัดในสัตว์นิยมในม้าและสัตว์เลี้ยงในบ้าน เช่น สุนัข แมว มากที่สุด เนื่องจากม้าเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่ใช้ในการแข่งขัน ซึ่งมักประสบปัญหาการบาดเจ็บของระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อ ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขัน ส่วนสัตว์ในบ้าน โดยเฉพาะสุนัขและแมว เปรียบเสมือนเพื่อนของมนุษย์ เจ้าของมักให้ความรัก และยินดีให้การรักษาเมื่อมีการเจ็บป่วยหรือแม้มีความพิการ จึงเป็นที่มาของบทบาทของงานกายภาพบำบัดในวงการสัตวแพทย์
          ระบบการรับส่งผู้ป่วยมารับการรักษาทางกายภาพบำบัด มีลักษณะเช่นเดียวกับในมนุษย์นั่นคือ ระบบการส่งต่อ ( referral system ) หรือการส่งปรึกษา ( consultation ) โดยแพทย์หรือสัตวแพทย์ เมื่อเห็นควรว่าปัญหาที่เกิดกับผู้ป่วยสมควรได้รับการฟื้นฟูทางกายภาพบำบัด จึงเป็นการทำงานร่วมกันเป็นทีม และสำหรับสัตว์ ผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อการรักษาไม่น้อยไปกว่าสัตวแพทย์ คือ เจ้าของ เนื่องจากสัตว์ไม่สามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้ด้วยภาษาหรือการบอกกล่าวแต่อาศัยการแสดงพฤติกรรม ซึ่งจัดเป็นภาษากาย ( nonverbal communication ) และเจ้าของผู้คุ้นเคยย่อมสามารถสื่อสารกับสัตว์เลี้ยงได้เข้าใจมากที่สุด รวมทั้งใช้เวลาอยู่กับสัตว์เลี้ยงมากกว่าผู้รักษา เจ้าของจึงมีบทบาทสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะในการรักษษฟื้นฟูทางกายภาพบำบัด

ปัญหาที่พบได้บ่อยในการรักษาทางกายภาพบำบัด

          ตัวอย่างปัญหาในม้าและสุนัขที่พบได้บ่อยในการส่งต่อมารับการรักษาทางกายภาพบำบัด ได้แก่
          - ภายหลังการผ่าตัดทางระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อ และระบบประสาท ตัวอย่างเช่น การผ่าตัดเพื่อซ่อมแซม anterior cruciate ligament การผ่าตัดเพื่อยึดตรึงหรือจัดกระดูกสันหลัง เป็นต้น
          - ม้าที่มีปัญหาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ ซึ่งมาจากการวางตำแหน่งของอานม้าไม่ถูกที่ การนั่งของผู้ขี่ที่ไม่สมดุลย์ ทำให้กล้ามเนื้อด้านใดด้านหนึ่งทำงานมากเกินไป ปัญหาทางโครงสร้างของขา เป็นต้น
          - สุนัขที่มีปัญหาข้อเสื่อม (degenerative joint disease) โดยเฉพาะเมื่อร่วมกับภาวะอ้วน หรือลักษณะการดำเนินชีวิตที่ไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหว (sedentary lifestyle)
          - ม้าแข่งที่ต้องการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน เช่นเดียวกับในมนุษย์ กีฬาประเภทที่ต้องอาศัยความเร็วเพื่อการแข่งขัน รวมถึงกีฬาที่อาศัยทักษะ การมีนักกายภาพบำบัดประจำทีมที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของนักกีฬาได้

เหตุผลที่สัตว์ควรได้รับการรักษาทางกายภาพบำบัด

          ประโยชน์ที่สัตว์จะได้รับจากการรักษาทางกายภาพบำบัด เป็นเหตุผลเช่นเดียวกับมนุษย์ ได้แก่
          - ช่วยกระตุ้นการฟื้นตัว (recovery) จากความเจ็บป่วยหรือการบาดเจ็บ
          - ช่วยลดความพิการ หรือความด้อยประสิทธิภาพในการใช้งาน อันเนื่องจากพยาธิสภาพหรือภาวะการเสื่อมตามอายุ (degenerative conditions)
          - ช่วยแก้ปัญหาทางระบบโครงร่างและกล้มเนื้อในกรณีที่มีความผิดปกติของโครงสร้างทางชีวกลศาสตร์
          - ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความสามารถในการแข่งขัน

วิธีการรักษาทางกายภาพบำบัดที่ใช้ในสัตว์เลี้ยง

          วิธีการทางกายภาพบำบัดในสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสุนัข ประกอบด้วย วิธีการหลักๆคือ
          การออกกำลังกายเพื่อการบำบัดรักษา (Therapeutic exercise) อาจแบ่งได้เป็น
          การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรง (strengthening exercise) เนื่องจากปัญหาเรื่องการสื่อสาร การออกกำลังกายแบบ therapeutic exercise ไม่สามารถสั่งการให้สัตว์ออกกำลังกายแต่ละมัดกล้ามเนื้อได้ จึงใช้การฝึกในรูปแบบของ functional training ตัวอย่างเช่น assisted standing exercise (รูปที่ 1 ) ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตจำหน่ายอุปกรณ์ช่วยฝึกยืนรูปแบบต่างๆ เช่น harness สำหรับขาหน้า ขาหลัง ลำตัว, สายพยุงขาหลัง (bottoms up leash), mobility brace รวมถึงล้อเข็นสำหรับสุนัข (cart และ wheelchair) แต่ในประเทศไทยยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก



รูปที่ 1 การใช้อุปกรณ์ช่วยพยุง(harness) สำหรับขาหน้า และขาหลัง เพื่อฝึกลงน้ำหนักกล้ามเนื้อขา (ภาพจาก http://www.handicappedpets.com/)

          นอกจากนั้นวิธีการออกกำลังกายเพื่อการบำบัดรักษาที่เหมาะสมใช้กับสัตว์ คือ การกระตุ้นผ่านการรับรู้ของข้อต่อ (proprioception) (รูปที่ 2) ซึ่งสามารถใช้ฝึกเพื่อเพิ่มทักษะการทรงตัวได้ด้วย

 
รูปที่ 2 การกระตุ้น proprioception และฝึกการทรงตัว โดยใช้ therapeutic ball (ภาพจาก www.caninerehab.com/services.htm)

          การออกกำลังกายในน้ำ (aqutic exercise) เป็นการรักษาที่เป็นที่ยอมรับว่ามีประโยชน์และให้ผลการรักษาอย่างมีประสิทธภาพ โดยเฉพาะในระยะแรกภายหลังการบาดเจ็บหรือการผ่าตัดซึ่งสัตว์ยังมีอาการอักเสบหรือมีอาการเจ็บอยู่ (รูปที่ 3)

 
 รูปที่ 3 การออกกำลังกายในน้ำ
(ภาพโดย ผศ.น.สพ.ดร.กรกฏ งานวงศ์พาณิชย์)

          การใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัด (Physical agent modalities) ประกอบด้วย การใช้ความร้อน ความเย็นระดับตื้น(Superficial thermotherapy) การใช้เครื่องมือไฟฟ้าเพื่อลดอาการปวดและการอักเสบ (electrophysical modalities) รวมทั้งการใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า (electrical stimulation) เพื่อรักษาอาการปวดเช่นเดียวกับเครื่องมือที่ให้ความร้อนระดับลึก รวมทั้งเพื่อกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อและเส่นประสาท ในกรณีที่กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือมีการบาดเจ็บของเส้นประสาทที่มาเลี้ยงกล้ามเนื้อ
           การรักษาด้วยหัตถบำบัด (Manual Therapy) ประกอบด้วย
                    - การช่วยเคลื่อนไหวและการยืดกล้ามเนื้อ (passive range of mation and passive stretching) ในกรณีที่สัตว์ไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้ด้วยตนเอง หรือมีการยึดติดของข้อ
                    - การนวด (massage) การกดจุดเพื่อคลายจุดกดเจ็บ (myofasial release, trigger point release)
                    - การขยับ ดัด ดึงข้อต่อและเนื้อเยื่ออ่อน (joint/soft tissue manipulation) โดยไม่รวมการฝังเข็ม และการรักษาด้วยวิธี chiropractic

          สำหรับประสบการณ์ด้านงานกายภาพบำบัดในสัตว์ของผู้เขียน เริ่มต้นจากการ)กิบัติงานร่วมกับทีมสัตวแพทย์ โรงพยาบาลช้าง จังหวัดลำปาง และคณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการให้การรักษาลูกช้างบาดเจ็บไขสันหลัง ทำให้เกิดอัมพาตของขาหลัง ซึ่งได้รับการคัดเลือกไปนำเสนอผลงานด้วยโปสเตอร์ในงานประชุม World Congress for Neurorehabilitation ที่ฮ่องกง ในปี พ.ศ. 2549 (รูปที่ 4) จนถึงปัจจุบันยังคงปฏิบัติงานร่วมกับคณะสัตวแพทย์ ในการวิจัย การเป็นวิทยากร และให้การรักษาทางกายภาพบำบัดแก่สัตว์ โดยเฉพาะสุนัข ผู้สนใจสามารถติอต่อได้ที่ ผศ.ศิริพันธุ์ และ กภ.ญ.บุษบา ฉั่วตระกูล ภาควิชากายภาพบำบัด คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ E-mail: asphi004@chiangmai.ac.th, c_busaba@chiangmail.ac.th


รูปที่ 4 การฟื้นฟูลูกช้างบาดเจ็บไขสันหลัง


2 ความคิดเห็น:

  1. ถ้าเราจบกายภาพบำบัดมา เราสามารถไปสมัครงานที่เค้ารับดูแลเกี่ยวกับสัตว์ได้เลย หรือว่าเราต้องเรียนต่อเฉพาะทางก่อน ถึงจะไปสมัครงานได้

    ตอบลบ
  2. อยากขอข้อมูลเพิ่มเติมเพราะแมวที่บ้านกระดูกข้อต่อหลุด มีเบอร์โทรไหมค่ะ

    ตอบลบ